โมโมทาโร่คือนิทานพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น
ว่าด้วยเด็กชายที่เกิดจากผลลูกท้อ(โมโมะ)ที่ลอยน้ำมา
มีตากับยายไปพบเข้าจึงเก็บเด็กชายมาเลี้ยงดู
ภายหลังโมโมทาโร่เติบโตขึ้นเป็นหนุ่มที่แข็งแรงและกล้าหาญ
เขาได้อาสาออกเดินทางไปปราบยักษ์ที่กำลังคุกคามหมู่บ้าน
พร้อมกับนำ “คิบิดังโกะ” ขนมที่คุณยายทำให้ไปด้วย
ระหว่างทางโมโมทาโร่ได้พบกับสุนัข, ลิง, และนก
เขาจึงแบ่งคิบิดังโกะให้สามสหาย และออกเดินทางไปปราบยักษ์ด้วยกัน
ว่ากันว่าบ้านเกิดของโมโมทาโร่ตามท้องเรื่องก็คือ จังหวัดโอคะยะมะนี่เอง
วันนี้เราจะแวะไปศาลเจ้าแห่งหนึ่งของเมืองนี้
ชื่อว่า ศาลเจ้าคิบิทสึฮิโกะ (Kibitsuhiko Shrine)
ศาลเจ้าแห่งนี้ อาจจะไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่ใครๆก็รู้จัก
แต่หากใครที่ไม่ชอบสถานที่ที่ “ใครๆก็ไปกัน” แล้วล่ะก็
ศาลเจ้าแห่งนี้ก็มีอะไรน่าสนใจอยู่
วันนี้เราจะแวะไปศาลเจ้าแห่งหนึ่งของเมืองนี้
ชื่อว่า ศาลเจ้าคิบิทสึฮิโกะ (Kibitsuhiko Shrine)
ศาลเจ้าแห่งนี้ อาจจะไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่ใครๆก็รู้จัก
แต่หากใครที่ไม่ชอบสถานที่ที่ “ใครๆก็ไปกัน” แล้วล่ะก็
ศาลเจ้าแห่งนี้ก็มีอะไรน่าสนใจอยู่
เช่น แผ่นไม้เขียนคำอธิษฐานของที่นี่ก็ไม่เหมือนใครดี
เพราะว่าเป็นเมืองของโมโมทาโร่ ก็เลยมีรูปร่างเป็นรูปลูกท้อ
ราคาแผ่นละ 500 เยน ลองซื้อมาเขียนคำอธิษฐานกันเถอะ
เพราะว่าเป็นเมืองของโมโมทาโร่ ก็เลยมีรูปร่างเป็นรูปลูกท้อ
ราคาแผ่นละ 500 เยน ลองซื้อมาเขียนคำอธิษฐานกันเถอะ
แม้แต่ใบทำนายโชคชะตาก็ยังเป็นรูปลูกท้อด้วย
คำอธิษฐานจะไปถึงผู้กล้าโมโมทาโร่หรือเปล่านะ
คำอธิษฐานจะไปถึงผู้กล้าโมโมทาโร่หรือเปล่านะ
ตามศาลเจ้าและวัดของญี่ปุ่นมักจะมีใบทำนายโชคชะตา(โอะมิกุจิ)
ดูคล้ายๆเซียมซีที่เมืองไทย มีหลายแบบหลายราคา
เห็นแล้วก็อดใจไม่ได้อยากลองซื้อมาดู ไหนๆก็มาแล้ว
เลยลองซื้อใบทำนายโชคชะตารูปลูกท้อราคา 100 เยนมา 1 ใบ
ข้างในลูกท้อกระดาษ มีรูปโมโมทาโร่อยู่ด้วย
และมีตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นเขียนเต็มไปหมดเลย
ถ้าคนที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น ก็คงจะอ่านไม่ออก ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคไม่ดีใช่ไหม
ดูคล้ายๆเซียมซีที่เมืองไทย มีหลายแบบหลายราคา
เห็นแล้วก็อดใจไม่ได้อยากลองซื้อมาดู ไหนๆก็มาแล้ว
เลยลองซื้อใบทำนายโชคชะตารูปลูกท้อราคา 100 เยนมา 1 ใบ
ข้างในลูกท้อกระดาษ มีรูปโมโมทาโร่อยู่ด้วย
และมีตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นเขียนเต็มไปหมดเลย
ถ้าคนที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น ก็คงจะอ่านไม่ออก ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคไม่ดีใช่ไหม
วิธีอ่านแบบง่ายๆ ให้ดูที่ตัวอักษรตัวใหญ่ๆ ที่เห็นบ่อยๆก็จะเขียนดังนี้
ไดคิจิ 大吉 แปลว่า โชคดีมาก
ชูคิจิ 中吉 แปลว่า โชคดีปานกลาง
โชคิจิ 小吉 แปลว่า โชคดีเล็กน้อย
ซึ่งได้หนึ่งในสามอย่างนี้ก็ยังถือว่าโชคดีอยู่นะ
คนส่วนใหญ่ก็จะพกกลับบ้านไปด้วย
แต่ถ้าโชคไม่ดี ก็จะนำกระดาษไปผูกไว้กับเชือกหรือกิ่งไม้ในศาลเจ้า
ไดคิจิ 大吉 แปลว่า โชคดีมาก
ชูคิจิ 中吉 แปลว่า โชคดีปานกลาง
โชคิจิ 小吉 แปลว่า โชคดีเล็กน้อย
ซึ่งได้หนึ่งในสามอย่างนี้ก็ยังถือว่าโชคดีอยู่นะ
คนส่วนใหญ่ก็จะพกกลับบ้านไปด้วย
แต่ถ้าโชคไม่ดี ก็จะนำกระดาษไปผูกไว้กับเชือกหรือกิ่งไม้ในศาลเจ้า
ที่นี่ยังมีโอมิกุจิที่เป็นรูปสัตว์12 นักษัตรด้วย น่ารักมากๆเลย
ก่อนจะกลับก็แวะซื้อของฝากยอดนิยมของจังหวัดโอคะยะมะสักหน่อย
ขนมคิบิดังโกะที่คุณยายทำให้โมโมทาโร่นั่นเอง
จังหวัดโอคะยะมะมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่มีชื่อเสียงและน่าสนใจ
ไม่ว่าจะเป็นปราสาทโอคะยะมะ หรือปราสาทอีกา,
สวนโคระขุเอ็ง(Korakuen)สวนที่ติดอันดับ1ใน 3สวนที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น,
หรือจะเป็นคุระชิกิ(Kurashiki) เมืองที่ประสานความเป็นญี่ปุ่นและกลิ่นอายตะวันตกไว้ได้อย่างลงตัว
วิธีเดินทาง: นั่งรถไฟชินคันเซ็นจากสถานีรถไฟ ชินโอซาก้า (Shin-Osaka Sta.)
ไปลงที่สถานีโอคะยะมะ (Okayama Sta.) ใช้เวลาประมาณ 50 นาที
จากสถานีโอคะยะมะ นั่งรถไฟ JR สายคิบิ (Kibi Line)
ไปลงที่สถานีบิเซนอิจิโนะมิยะ (Bizen-Ichinomiya Sta.)
แล้วเดินต่ออีก 3 นาทีก็จะถึงศาลเจ้าคิบิทสึฮิโกะ
ในวันเสาร์, วันอาทิตย์, และวันหยุดราชการ เวลา 10:00-16:00
จะมีไกค์พาชมพร้อมแนะนำประวัติและเรื่องราวน่าสนใจของศาลเจ้าด้วย
No comments:
Post a Comment